October in Phu Kradung

สายฝนแห่งตุลาคม

กลางปี 06 เกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่ที่มีผลต่อคุณภาพชีวิตของผมถึงทุกวันนี้ นั่นคือเอ็นเข่าทั้งสองข้างของผมฉีก อันเนื่องจากการเล่นกีฬา คุณหมอได้ขู่ว่าผมอาจจะแย่ และมีปัญหากับการเดินหลังจากนี้ และนั่นคือ แรงผลักดันที่ทำให้ผมเริ่มต้นการดั้นด้นเดินเท้าไปในที่ซึ่งถ้าชีวิตเราต้องเดินไปถึง ผมก็จะไป

แล้วนั่นคือการตัดสินใจไปภูกระดึง

ภูกระดึงเป็นบทเรียนแรก ๆ สำหรับผู้ที่คิดจะแบกเป้เดินเท้า เขาว่ากันว่า ด้วยเหตุของความง่ายต่อการเดินทาง ซึ่งผมก็ไม่เห็นด้วยสักเท่าไร แต่สำหรับการเดินทางครั้งแรกแล้ว การนั่งรถประจำทาง หลับ  ๆ ตื่น  ๆ ด้วยความรู้สึกของขนาดตัวที่ใหญ่เกินเบาะ เป็นเรื่องที่ไม่สนุก และด้วยความไวต่อแสงและเสียง ผมมีครบทั้งผ้าปิดตาและที่อุดหู ค่ำคืนก็ไม่ได้เลวร้ายนัก สิ่งที่แย่สำหรับผมคือ การที่รถต้องจอดให้กินอาหารยามดึก ซึ่งไม่เข้าใจว่าใครคิดใครทำสิ่งนี้ ถ้าย้อนเวลาไปได้ ผมจะไปบอกเขาว่าอย่าคิดทำเถอะ มันน่ารำคาญ

เราจะไปถึงจุดหมาย ซึ่งไม่ได้เป็นภูกระดึงเลย ราวเช้า ที่นั่นเป็นเหมือนตลาดนัดย่อม ๆ มีร้านค้า มีผู้คน มีขายอาหาร มีห้องน้ำ และอีกมากมาย สักพักหนึ่งก็จะมีรถโดยสารมารับกลุ่มคนไปส่งยังที่ทำการอุทยาน และนั่นคือการเริ่มต้นไปถึง

หลังจากการผ่านกระบวนการ ลงทะเบียน ก็ได้เวลาการเดินเท้าก้าวดุ่มไปขึ้นภูกระดึง อากาศช่วงเดือนตุลาคม ค่อนข้างเย็นในช่วงเช้า และค่อย ๆ ร้อนขึ้น ระหว่างทางมีจุดแวะพัก มีร้านค้า มีของขายมากมาย สมเป็นกับเป็นตำราแบบเรียนเริ่มแรก ประมาณสองชั่วโมง ด้วยการเดินไม่หยุดมากนัก ก็จะถึงหลังแป ที่ราบบนยอดภูกระดึง

จากหลังแป เราต้องใช้เวลาอีกประมาณชั่วโมงเพื่อเดินไปที่ทำการ และด้วยความขี้เกียจบวกด้วยความฉลาดที่มีน้อยนิด การจองบ้านพักมาก่อนเป็นเรื่องที่ชาญฉลาด บ้านพักมีที่นอน หมอน และประตูปิดมิดชิด ป้องกันความปลอดภัยจากเจ้าถิ่นตัวร้าย กวาง

กวางเป็นราวไฮยีนาแห่งภูกระดึง บุก รุก ค้น ปล้น ชิง และทำลายข้าวของ นอกจากกวางแล้ว ทากน้อยกลอยใจ ก็เป็นความสยดสยองที่พบได้ทั่วไปที่ภูกระดึง ดังนั้่นคำแนะนำที่ชาญฉลาดคือ อย่าคิดหาทำด้วยการนอนเตนท์ให้ลำบากเลย

ภูกระดึงเป็นที่ราบเกือบเรียบบนยอดเขา มีพันธ์ไม้ มีพืชดอก ใบสวยงาม และอากาศเย็นสบาย เหมาะกับสายเดิน ถ่ายรูปเล่นและนักเดินทางมือใหม่ สำหรับผมแล้ว นั่นเป็นครั้งแรกของการไปภูกระดึง และไม่ได้เป็นครั้งสุดท้าย ผมเชื่อแบบนั้น